เราคงเคยได้ยินความเชื่อเรื่องที่ว่า ในวันที่โลกล่มสลาย จะมีคน, สัตว์, พืชพรรณจำนวนหนึ่งได้ขึ้นเรือโนอาห์ไปยังดินแดนใหม่กันบ้างใช่ไหมคะ?
วันนี้มะม่วงได้มาทานอาหารภายใต้คอนเซปต์นี้ แต่แทนที่จะเป็น “เรือ” แบบในตำนาน ในยุค 2019 เราก็ต้องอัพเลเวลเป็น “เครื่องบิน” ให้สมกับความทันสมัยกันหน่อยหล่ะค่ะ ร้าน Na-Oh Bangkok นี้ตั้งอยู่ที่ “ช่างชุ่ย” ตรงถนนสิรินธรนี้เอง โดยอาหารธีมนี้จะมาพร้อม story ที่ว่า เราจะทานอะไรกันบนเรือ/เครื่องบินโนอาห์ค่าาา
อ้อ อันนี้เป็นเครื่องบินจริงๆ นะคะ แอบได้ข่าวมาว่าแค่โครงเครื่องบินนี้ก็ 150 ล้านแล้วค่าา ยังไม่รวมการขนย้าย ประกอบ ซ่อมแซม ตกแต่งอีกมากมาย หรูหราหมาเห่าขนาดไหนตามมาดูกันเลย
เดี๋ยวนี้ที่จอดรถสะดวกสบายแล้วนะคะ ถ้ามาจากหน้าถนนสิรินธรก็เลยช่างชุ่ยมาราวๆ 100 ม. จะมีลานจอดรถของเค้าอยู่ จอดเสร็จเดินทะลุมาช่างชุ่ยได้เลย ปั้มบัตรจอดรถจากร้านอาหารได้ด้วย สะดวกจริงๆ
ส่วนร้านอาหารนั้นหาไม่ยาก มันคือเจ้าเครื่องบินลำใหญ่ที่เด่นที่สุดในดินแดนนี้เลย
.
ที่หน้าเคาเตอร์จะมีพนักงานต้อนรับอารมณ์ดีอยู่ค่ะ พนักงานก็จะพาเราเข้าไปด้านในทันที (มะม่วงก็จะพยายามยื้อขอถ่ายรูปเก็บบรรยากาศค่า 555)
.
เดินเข้ามาอีกนิดจะมีเก้าอีกผู้โดยสารวางไว้ ส่วนนี้น่าจะเป็นบาร์ตอนกลางคืนสบายๆ ค่ะ
เก๋แค่ไหนได้เข้ามาถ่ายกับล้อเครื่องบินอันใหญ่บึ้ม อิอิ
.
ซึ่งเราจะได้ขึ้นลิฟท์ข้างๆ เครื่องบินเพื่อไปยังตัวเครื่องบินค่ะ ลิฟท์ก็จะเก๋ๆ แนวๆ หน่อย มีบานประตูเหมือนตึกแถวสมัยก่อนปิด 2 ชั้นด้วยหล่ะ ซึ่งระหว่างอยู่ในลิฟท์คุณพนักงานก็จะเล่าคอนเซปต์ของร้านให้ฟังคร่าวๆ ซึ่งก็คือเป็นอาหารแนว futuristic เป็นสมมุติเหตุการณ์ในวันที่โลกล่มสลาย มนุษย์และสัตว์ (และพืชพรรณ) ต้องหนีขึ้นไปบนเรือ การอยู่รวมกันของคนหลายๆ ชาติ หลายๆ วัฒนธรรม จะก่อให้เกิดอาหารแบบไหน ผสมผสานออกมาอย่างไรบ้าง ต้องไปดูกัน….
พอขึ้นมาถึงปุ๊บ ก็จะเจอมุมนั่งรอแบบนี้…
.
มี Welcome Drink เป็นน้ำกระเจี๊ยบเข้มข้น ที่อร่อยเพราะแก้วน้อยๆ ลวดลายแปลกตาแบบนี้
.
ถ้ามองเลยบริเวณนั่งรับรองเมื่อสักครู่ไป จะเป็นห้องกัปตัน ซึ่งตอนนี้แปลงมาเป็นโต๊ะไม้โบราณ ซึ่งพนักงานเล่าให้ฟังว่าเป็นโต๊ะที่จักรพรรดิเคยนั่งด้วยค่ะ แล้วถ้าเป็นช่วงดึกๆ เหมือนดีเจจะมาเปิดเพลงตรงนี้ค่ะ
.
.
งานคอลเลคชั่นนี้ของเก่าแท้ๆ นะคะ ^^
.
วางมาดเป็น….เป็นอะไรดี? แสงไม่สวย ดับอนาถ! 5555
.
หามุมแสงสวยสักหน่อย ที่ต้องหันหน้าแบบนี้เพื่อรับแสงนะคะ 555555+
.
เอาหล่ะ เมื่อโต๊ะพร้อม เราก็ย้ายไปที่นั่งเรากันเลย ^^
โดยมะม่วงได้นั่งใกล้ๆ กวางน้อย (อยู่ข้างๆ มองไม่เห็น) กับม้าหรือล่อที่เห็นก้นเค้าไกลๆ นั่นหล่ะค่ะ
.
ทำหน้าหงอยๆ ให้สมกับวันที่โลกล่มสลายต้องอพยพขึ้นเรือ
.
มาดูเมนูกันบ้างดีกว่า เมื่อกี้ดูไม่ทัน แต่เลือกสั่งแบบ 8 คอร์สไปแล้ว
(เมนูมีให้เลือกระหว่าง 5 คอร์ส กับ 8 คอร์ส ซึ่งอาหารจะไม่เหมือนกันค่ะ)
-8 คอร์ส-
.
-5คอร์ส-
.
table setting เป็นแบบนี้ค่ะ
อันนี้คือพระเอกผู้ที่หนีตามเรามา 55555+
พนักงานแนะนำเครื่องดื่มคอกเทลให้ เห็นคุณพนักงานกระซิบว่าค้อกเทลมีเด็คคอเรชั่นสวย งั้นสั่งมาลองดีกว่า!
และก็เป็นปกติ จำชื่อไม่ได้ค่า…..555+ ส่วนประกอบเป็นสตอเบอรี่สด แล้วก็…..อะไรอีกหลายอย่าง 5555555+ แต่ที่ประทับใจคือเค้าแนะนำได้ตรงมากนะ รู้ได้ไงว่าชอบสตอเบอรี่เนี่ย ^^ แก้วนี้เป็นสตอเบอรี่สด หอม ฉ่ำชื่นใจ ขอบแก้วเป็นน้ำตาลผสมเกลือ หวานๆ เค็มๆ แอบๆ หมุนแก้วตอนกินไม่เอิกเกริก 55555+
ในส่วนของคุณผู้ชาย คุณพนักงานแนะนำเป็นตัวนี้ (จำชื่อไม่ได้อีกเหมือนกัน) แต่มียูสุเป็นส่วนประกอบค่าาาาา โดนใจคุณผู้ชายมาก ปกติฮีไม่กินเหล้าเลย นี่เจอคำว่า “ยูสุ” เข้าไป ถึงขั้นร่ำร้องจะสั่งๆ 55555+
แก้วนี้หอมกลิ่นเบิร์นอ่อนๆ ไม่แน่ใจว่าเป็นกาแฟที่โรยมาด้านบนแล้วเบิร์นหรือเปล่า แต่หอมค่ะ แมนดีด้วย
.
มาแล้วววววว คอร์สแรก Hot Beer มาพร้อมกับคอร์สสอง คือ Dear Jerky เลย
คอร์สแรกคือเบียร์อุ่น (ซึ่งคือน้ำซุปไก่ทำมามีฟองเลียนแบบเบียร์) แล้วก็ถั่วชิคพีอบกรอบ ตัวซุปอร่อยมากกกก เข้มข้น ค่อยๆ จิบให้รสมันซ่านไปทั่วคอ หูยยยย คือดีย์
ถั่วอบกรอบเฉยๆ อร่อยปกติ แต่ชอบคอนเซปต์ขี้เมาดี ^^
อันนี้แอบกระซิบบอกร้านไปแล้วว่าน่าจะมีผ้าเย็นมาให้เช็ดมือหน่อยเพราะว่าเป็นเมนูที่ใช้มือทานและระหว่างเดินทางมานี่เราก็ผ่านอะไรๆ สกปรกมาเยอะ แต่เผื่อว่ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มะม่วงขอแนะนำนิ้สนึงว่าควรล้างมือไปให้เรียบร้อยก่อนขึ้นร้านอาหาร (ห้องน้ำอยู่ชั้นล่าง) ค่ะ ^^
และนี่คือเนื้อกวางอบแห้ง ปรุงมาในรสหม่าล่า มะม่วงกินได้แบบชิมๆ เพราะว่าเผ็ชชชชคร่าาาาา
//สบายคุณสามีเลย ฮีชอบหม่าล่าซะด้วย
คอร์ส 3 Sorrow Marrow (ชื่อระทมทุกข์ม่ะ) คือกระดูกวัว เสิร์ฟมาพร้อม salsa ข้าวตอกข้าวคั่วอะไรแบบนี้ ซึ่งไขกระดูกวัวนี้อร่อยมาก (และน่าจะอ้วนมากกก5555) ทานรวมกันทุกสิ่งเค้าว่าอร่อย
อันนี้มะม่วงไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ คือส่วนตัวไม่ชอบ salsa อยู่แล้ว (น่าจะเพราะมีพวกหอมดิบ กินแล้วรสและกลิ่นมันติดยาวๆ ทำลายบรรยากาศในช่องปากมาก) แต่ถ้านับรวมๆ มันก็อร่อยแปลกดีค่ะ
.
คอร์ส 4 CONGEST จานนี้เป็นปลาดิบ ไข่ใบจิ๋ว (น่าจะไข่นกกระทาเนอะ) สีม่วงๆ แท่งๆ ปักไว้นั้นคือมันม่วงอบกรอบ (เย้ ไม่ใช่บีทรูท) ส่วนเม็ดดำๆ จิ๋วๆ นั่นคือ quinoa นาจา มิใช่คาเวียร์ อิอิ
ลองจิ้มๆ วัตถุดิบในจานกินแยกกันดูก่อน (อันนี้เป็นความชอบส่วนตัว) แต่คุณพนักงานจะแนะนำให้คลุกทุกอย่างรวมกันค่ะ จานนี้อร่อยให้ผ่าน ชอบจานแนวนี้ อยากได้ไปใช้ที่บ้าน เก๋ชะมัด
.
คอร์ส 5 COLD NIGHT มาที่ซุปหอยแมลงภู่สุดแปลก เพราะมากับน้ำซุปกระดูกหมู เออ หอมมันอร่อยดี มันเข้ากันเนอะ ส่วนหอยแมลงภู่นี่ไม่รู้นำมาจากที่ไหน แต่รสชาติหอยเข้มข้นอร่อยมากค่ะ
.
คอร์ส 6 RELIEF อันนี้งงนิดหน่อยเพราะตามโพยแล้วจะต้องมาเป็น pre dessert แต่ว่าพนักงานนำมาให้ (ขณะที่กำลังทานซุปหอยแมลงภู่อยู่) พร้อมบอกว่าเป็น pre main course และต้องนำมาตั้งไว้ 5 นาทีก่อน
คือเค้าเป็นเกล็ดน้ำแข็งน้ำส้ม อ้อยที่ผสมกาแฟและรัมเบาๆ รสชาติขมของกาแฟตัดกับความหวานของอ้อย ปิดท้ายด้วยเกล็ดน้ำส้มหวานๆเปรี้ยวๆ อร่อยดีค่ะ (คืนนี้จะดีดไหม?)
.
คอร์ส 7 ของมะม่วงเป็นเมนูชื่อ EVE ส่วนของคุณผู้ชายเป็นเมนูชื่อ ADAM ค่ะ
มาดู EVE ก่อน คือจะเป็นกุ้งย่าง top มาด้วยสัปปะรด กุ้งสดดี สัปปะรดออกแนวหวานๆ กินแล้วให้ความรู้สึกเมดิเตอเรเนียน และมาคู่กับฟัวกราส์ซอสเบอรี่ (มะม่วงเดาว่าน่าจะเป็นราสเบอรี่ตามแบบฉบับ แต่คุณพนักงานแจ้งว่าเป็นบีทรูท…วูบแรกก็ผงะไปนิดนึงว่าบีทรูทเหรอ!! แต่พอแตะชิมๆ นิดนึงก็พบว่าหวานๆ แนวเบอรี่ๆ อิอิ)
.
ฟังกราส์ชิ้นใหญ่โอเค ดีงาม
.
ส่วน ADAM นั้นเป็นเนื้อ (สามารถอัพเกรดเนื้อ +1000 บาท ให้เป็นเนื้อวากิวได้ //ที่ทานอยู่เป็นเนื้อออสเตรเลีย) top มาด้วยเป๋าฮื้อ และเห็ดชิตาเกะ ราดซอสมาหวานๆ เหมือนกัน
.
พอไม่มี pre-dessert แล้ว ก็เข้าสู่ Dessert เลยค่ะ
คอร์ส 8 NEW YESTERDAY เป็นเมนูไอศครีมโยเกิร์ตที่ร้านทำเอง กับแผ่นแป้งเหนียวน้อยๆ ทานแล้วให้อารมณ์ apple crumble เบาๆ ชอบไอศครีมโยเกิร์ตมากมาย ^^
.
.
.
ระหว่างช่วงทานอาหาร เวลาประมาณ 2 ทุ่ม ทางร้านจะมีโชว์แสงสีเสียงด้วยค่ะ ไม่ควรพลาดน้าาา
ไม่อยากถ่ายมาให้ดู กลัวสปอยล์ ^^ เพลงเค้ายังติดหูอยู่เลย คุมธีมเพลงได้ดีมาก ประทับใจจริงๆ
.
.
มาดูบรรยากาศร้านบ้างดีกว่า เอาจริงๆ แค่ได้มาเห็นของตกแต่งในร้านก็ถือว่าคุ้มแล้วค่ะ เพราะทุกอย่างคือของสะสมของผู้ลงทุนร้านส่วนตัวแท้ๆ ที่อยากจะแบ่งปันให้เราได้เห็นค่ะ แถมพอมาในธีม Noah’s Ark ที่ต้องขนคน สัตว์ ต้นไม้ต่างๆ เพื่ออพยพไปเริ่มต้นยังดินแดนใหม่ ทำให้บรรยากาศยิ่งขลัง อินมากๆๆๆ แถมมีชั้นล่างของเครื่องบินเป็นห้องลับให้ลงไปสำรวจอีก ตื่นเต้นสุดๆๆ
ในส่วนของสัตว์สต๊าฟนั้นคุณพนักงานแจ้งว่าเป็นของจริงและเป็นของถูกกฎหมายนะคะ ซื้อมาจากหลายๆ แห่งทั่วโลก หรือจากพิพิธภัณฑ์ที่ปิดตัวลงไปบางแห่งค่ะ ทีแรกมะม่วงก็ไม่มั่นใจว่าของจริงหรือตุ๊กตา เห็นมีกระจกล้อมแต่ก็มีช่องเปิดอยู่ คือเค้าไม่ได้เปิดให้เราจับนะคะ กรุณาห้ามใจนิดนึง! มะม่วงรู้ว่ามันห้ามยาก เราอยากจะเอามือไปจับขนนุ่มๆ เหล่านั้น ใครแทบจะทนไม่ไหวแนะนำให้จับมือแฟนไว้ให้แน่นๆ ค่ะ 5555555+
คือเค้าเปิดให้อากาศได้ระบายค่ะ
.
ทางร้านรับจัดงานเป็น private function โดยห้องข้างล่างนั้นให้เช่าอยู่ที่ 20,000 บาท 18.00-24.00 จุคนได้สัก 20 คน ส่วนใครอยากจะเช่าเหมาลำด้านบนจุคนได้ 100 คน หรือจะเป็น dining ก็รับได้ราวๆ 60 ที่ค่ะ เรื่องราคาสามารถคุยกับเจ้าหน้าที่โดยตรงได้เลย
.
.
ส่วนตัวคิดว่าเป็นมื้อที่เรียกได้ว่าเป็น dining experience ที่แปลกดีค่ะ ด้วยคอนเซปต์ สตอรี่ และของตกแต่งที่แปลกไม่เหมือนใครเลย วัตถุดิบอาหารดี รสอร่อย อาจจะมีบางเมนูที่ชอบน้อยกว่าแต่ก็เป็นเรื่องความชอบส่วนตัว ทำให้รู้สึกว่ามื้อนี้ได้คะแนนโดยรวมดีอย่างน่าพอใจ
คุณพนักงานแจ้งว่าเค้าจะมีเป็น EP ไปเรื่อยๆ ทุก 3 เดือนจะดำเนินเรื่องต่อและเปลี่ยนเมนู ทำให้น่าติดตามและต้องมาซ้ำค่ะ อย่าง EP ต่อไปก็จะเป็นเดือน มีนาคม ดังนั้นใครที่อยากจะมาลอง EP แรกต้องรีบแล้วนะคะ
ร้านพึ่งเปิดเดือนธันวาคมนี้เองค่ะ ^^
อาจจะด้วยความที่ร้านพึ่งเปิด ทำให้ยังมีข้อ (มะม่วงใช้คำว่า) กระเดิด เล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะไม่ทำให้มื้อนี้เป็น fine dining ที่หรูหรามากนะคะ ส่วนนึงอาจจะด้วยราคา base นี้ด้วยหรือเปล่ามะม่วงไม่แน่ใจ (แต่เคยมีร้านที่ base price นี้ที่ทำได้โอเคอยู่นะ) ข้อที่ต้องทำใจเลยคือ
- พนักงานจะเก็บจานอาหารคนที่ทานเสร็จก่อนแทบจะทันที อีกคนก็นั่งกินเขินๆ เด๋อๆ ไปค่ะ
- อาหารจะยกมาโดยที่ยังไม่เก็บจานเรา…ผู้ที่ทานเสร็จทีหลัง (ตกเรือไปเลยจ้าาา)
- ช้อน ส้อม มีด ใช้วนไป ไม่มีการเปลี่ยนใหม่ รสชาติอาหารจานเดิมจะติดมาในคำแรกของจานต่อไปให้หมองมัวหน่อยๆ ถึงจะพยายามบอกใบ้ด้วยการเอาช้อนส้อมใส่ลงไปในจานอาหารพร้อมรอพนักงานเก็บ คุณเค้าก็จะเอาอกมาวางบนโต๊ะให้เราใช้ต่อเฉยเลย วางแบบตรงไหนก็ตรงนั้นด้วย เราต้องขยับมาวางในตำแหน่งเดิมเราเอง (-..-)
- ไม่มีผ้าเย็นเช็ดมือ จริงๆ ก็ไม่ได้เป็นคนติดผ้าเย็นเช็ดมือนะ แต่ 2 คอร์สแรกอย่างที่บอกเป็นเมนูที่พนักงานบอกว่าให้ใช้มือกิน … แต่มือเราเลอะนี่!!
- ไม่มี Amuse Bouche ไม่มีขนมปัง ไม่มี complimentary ใดๆ นะคะ 8 คอร์ส ก็คือ 8 คอร์สตรงตัว อันนี้ไม่ได้ติ แต่แจ้งให้ทราบว่านี่มิใช่ร้านอาหารฝรั่งเศสหรืออิตาลี่ที่จะมีขนมปังมาให้นาจา
- โต๊ะนั่งยาก คือใต้โต๊ะจะมีขอบสเกิร์ตอยู่ ทำให้เราสอดขาเข้าไปใต้โต้ะไม่ได้ค่าาาา ต้องถอดรองเท้าเพื่อลดความสูงของขาถึงจะสอดขาเข้าไปได้!!!
- สปีดจะค่อนข้างเร็ว ตั้งแต่ขึ้นลิฟท์ร้าน พามานั่งรอ พาไปโต๊ะ อาจจะเพราะเรามาถ่ายรูปด้วย เลยรู้สึกว่าทำอะไรไม่ทันเค้าเลย แป๊บๆ มาเรียกไปนั่งโต๊ะ พอหยุดถ่ายรูปคือพนักงานหายไปแล้วจ้าาา
- จองไว้ 19.30 ไปถึง 19.15 คุณพนักงานบอกให้รอเพราะโต๊ะยังไม่เรียบร้อย แต่พอพาไปนั่งโต๊ะ (ขนาดว่าหลงทางแล้ว) โต๊ะก็ยังไม่เรียบร้อย คือจัดโต๊ะไว้สำหรับ 4 seatings แต่เราไป 2 คน พนักงานต้องมาเลื่อนเข้าออกจัดนั่นนี่เมื่อเรามานั่งแล้ว
- วัตถุดิบซ้ำ มีทับทิม 2 ใน 8 จาน / มีผักแต่งหน้าเหมือนกัน 2 ใน 8 จาน อะไรแบบนี้ แต่ก็เข้าใจได้นะแบบว่าบนเรือหนีวันโลกล่มสลายจะให้มีอะไรมากมายหลากหลายก็คงไม่ได้ อิอิ
- บริเวณช่างชุ่ยจะเทพื้นด้วยหินกรวดก้อนเล็กๆ ไม่แนะนำให้ใส่ส้นสูง ส้นเข็ม อะไรที่เดินยากมานะคะ อันนี้มิใช่โรงแรมที่พื้นแกรนิตหรือปูพรมค่ะ
.
เป็นข้อเล็กๆ น้อยๆ จุกจิกค่ะ ไม่ซีเรียสแต่รีวิวแจ้งไว้เผื่อใครที่ซีเรียสเรื่อง service ว่าอยากให้เหมือน fine dining หรูหราที่เค้าทำกับเราเหมือนเจ้าหญิงอะไรแบบนี้จะแนะนำว่าให้ข้ามไป แต่ถ้าใครที่มองหาอะไรแปลก แหวก ตื่นเต้น ไม่เหมือนใคร ได้ว้าว ก็จะได้สมใจค่ะ ^____^
.
สำหรับคนที่สนใจ สามารถติดตามได้ที่เพจ https://www.facebook.com/NaOhBangkok/ หรืออินสตาแกรม naohbangkok หรือโทรจองเลย จองเลยไม่ต้องดูแล้ว จริงๆ ^^ โทร 088-612-2188
มะม่วงเองก็อยากจะไปลอง EP 2 ต่อเหมือนกัน ^^
.
.
.
.
Madame Mamuang : มาดามมะม่วง กิน เที่ยว ช้อป
FB/IG : Madame Mamuang
LINE : @madamemamuang
อ่านรีวิวย้อนหลัง >>> http://www.madamemamuang.com