หลังจากตอนแรกที่ตั้งใจไว้ว่าจะมารีวิวหลังได้รับกระบวนการทุกอย่างครบ ปรากฎว่าต้องรับโทรศัพท์หลายสายไปพร้อมๆ กัน ดังนั้นจึงขออนุญาตมาเขียนเป็นบล้อคเอาไว้ เพื่อที่ว่าจะได้ส่งลิ้งค์ให้อ่านได้ง่ายๆ นะคะ ^^
หากมีคำถาม คอมเม้นต์ คำแนะนำใดๆ เพิ่มเติม สามารถบอกได้ตลอดค่ะ จะได้นำมาอัพเดทในนี้ค่ะ
ข้อมูลในบล้อคนี้ประกอบด้วย: (เป็นดราฟแรกไว้ก่อนนะคะ จะได้ไม่หลุดประเด็น//อาจมีอัพเดทเรื่อยๆ ค่ะ)
1. ทำไมถึงตัดสินใจไปฉีดที่อเมริกา / ทำไมไม่ไปประเทศอื่น
2. เช็คลิสก่อนว่าตัวเองไปได้มั้ย/ ต้องไปนานแค่ไหน
3. ค่าใช้จ่ายหลักๆ มีอะไรบ้าง
4. เริ่มต้นการดำเนินการอย่างไร
5. รีวิวการฉีด
6. เตรียมตัวกลับไทย

ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคนที่ช่วยแชร์ข้อมูลแนะนำสารพัดสิ่งให้ แอบเต๊าะข้อมูลได้จากตรงนี้นิด ตรงนั้นหน่อย มาประกอบร่างกันเป็นแผนการที่ยิ่งใหญ่ของมาดามค่ะ ขอบคุณสามีที่ทำให้เรามีวีซ่าติดตัว แผนการนี้จึงดำเนินต่อไปได้ ขอบคุณคุณจั่น คุณปาล์ม คุณเนย คุณดอส คุณซู คุณย้ง คุณน้อต คุณบลู คุณฟ้า คุณแบด คุณศิริพร คุณอุ๊บ คุณโอ้ต เจ้านายของคุณสามี คุณแป้ง คุณแม่บ้านมหัศจรรย์ และทุกๆ ท่านค่ะ ต้องขออนุญาตเอ่ยชื่อเลยเพราะว่าซาบซึ้งมากที่สุดจริงๆ ค่ะ
.
.
ทำไมถึงตัดสินใจไปฉีดที่อเมริกา? (ไม่มีสาระค่ะ เม้าท์มอยเรื่อยๆ สามารถข้ามส่วนนี้ไปได้เลย ^^)

จริงๆ มาดามมีคิดเล่นๆ มาสักพักแล้วตั้งแต่ต้นเมษา 2564 ค่ะ เพื่อนพี่น้องที่อยู่แถวนั้นต่างบอกว่ามันดีมาก มันทำได้ มันสบายมาก มาเถอะ….แต่ด้วยความที่สถานการณ์ไทยยังไม่แย่มาก/ มาดามยังไม่ได้ออกจากบ้าน/ ไหนจะความยุ่งยากทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น มาดามเลยว่า . . . เอาไว้ก่อนละกัน
ถ้าคนที่ตามเพจอยู่น่าจะพอทราบ มาดามเคยคุยเล่นกับสามี สามีประกาศว่าจะอยู่บ้านไปจนได้ฉีด Pzifer ค่ะ // ส่วนมาดามนั้นคิดว่าอะไรก็ได้ ขอให้ได้ฉีดเป็นพอ 55555+
หลังจากนั้นก็อย่างที่ทุกคนทราบคือ ความน่ากลัวพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับความน่าเชื่อถือของระบบการจัดการหล่นลงอย่างสวนทางเป็นอย่างมาก (อันนี้ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ นะคะ ^^) จุดพี้คที่ทำให้มาดามอาการแพนิคหนักคือมาดามเป็นไข้ต่ำๆ เมื่อวันที่ 20-21 เมษาค่ะ ทำให้มีความพารานอยด์มากว่าชั้นจะได้อยู่เล่นกับแมว กินเที่ยวและช้อปได้จนแก่เฒ่ามั้ย หรือจะต้องไปนอนตายที่ไหน? เราติดหรือยังวะ? เราติดแล้วแต่ไม่แสดงอาการมั้ย?? จากนั้นทุกวันก็เริ่มได้ข่าวคนวัย 30-40 ที่เสียชีวิตอย่างรวดเร็วภายใน 5-10 วันหลังพบเจออาการ โอ้ววววววว ม่ายยยยยยยย
วันที่เคสพุ่ง 2000+ มาดามกดจองทุกสิ่งค่ะ!!! ราคาเท่าไหร่ไม่เป็นไร ถือว่านอกจากจะได้วัคซีนแล้วยังได้ยาแก้โรคประสาทและยาต้านบ้าด้วยค่ะ 555555555555555555555555+
บ่ายวันนั้นเอง ก่อนที่จะจ่ายเงิน มาดามเห็นข่าวว่า ‘ร้าบาน’ เจรจาซื้อ Pzifer ได้สำเร็จ มาดามก็ชะงักนะว่าเห้ย ไม่ต้องไปแล้วมั้ง นั่งเวิร์คเรื่องการไปเมกามาตั้ง 4 ชั่วโมงเพื่อ!!??
แต่หลังจากอ่านข่าวละเอียดๆ อ่านข่าวจากทุกฝ่าย ก็พบว่าเป็นแค่การได้เจรจา คือคุยสำเร็จว่าง่ายๆ แต่จะได้วัคซีนวันไหน เท่าไหร่ ฉีดให้ใครบ้าง (ยังไม่รวมราคานะ จะเท่าไหร่ถ้าจ่ายไหวก็จะจ่าย เพื่อป้องกันโรคประสาทค่ะ!!) มาดามพยายามหาข้อมูลว่าวัคซีนนี้รัฐบาลซื้อรัฐบาลบริหาร หรือรัฐบาลช่วยเจรจาให้แล้วส่งมอบให้เอกชนช่วยบริหาร…แต่หาข้อมูลไม่เจอ
คืนนั้นนอนอีกคืนค่ะ ไปตั้งสติก่อนว่าคุ้มมั้ย
เช้าวันต่อมา เห็นข่าว….. กดจ่ายเงินอย่างไม่ลังเลค่ะ

ในส่วนของคุณสามีก็ work เรื่องงานไปด้วยว่าเจ้านายโอเคมั้ย ซึ่งสามีถามเหมือนกันว่าถ้าเจ้านายไม่โอเคไม่ให้ลาจะทำอย่างไร มาดามก็ประกาศกร้าวว่า ลาออกค่ะ! กราบขออภัยคนที่อาจจะคิดว่ามาดามทำได้สิ สามีมาดามทำได้สิ คนเรามันไม่เท่ากันสิ ใช่สิเธอมันมีสิทธิพิเศษเลยทำได้สิ มาดามกราบขออภัยจริงๆ ค่ะ มาดามขอบอกว่ามาดามเกิดมาในครอบครัวคนที่ไม่ได้ร่ำรวยนะคะ คุณพ่อกับคุณแม่สมัยจีบกันคือขับมอเตอร์ไซค์เก่าๆ ค่ะ ที่บ้านมาดามทำงานหนัก มาดามตั้งใจเรียนไม่เคยโดดเรียนเพื่อที่จะจบให้ได้ที่คะแนนสูงสุด ในขณะที่คนอื่นอาจจะแบ่งเวลาเรียนและเที่ยวให้มีชีวิตที่ไม่เครียดเกินไป มาดามเรียน เรียน และ เรียน อย่างเดียวค่ะ ตอนทำงานก็เช่นกันนะ ทำงาน ทำงาน ทำงาน ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด มาดามคิดแค่ว่าเราต้อง jump start ให้ได้ เราต้อง jump ไปให้พ้นจากจุดที่เราอยู่ให้ได้ เหนื่อยไปก่อนแล้ววันหน้าค่อยพักก็ยังได้ … ทุกวันนี้ยังไม่ได้พักเลยค่ะ แค่ดีขึ้นนิดหน่อย แต่ยังไม่ได้พักเลย 5555555+
ส่วนคุณสามีนี่หนักกว่ามาดาม ฮีทำงานโดยเฉลี่ย 4 กะ ต่อวัน 7 วันต่อสัปดาห์ มา 5 ปีแล้วค่ะ ดังนั้นความเป็นไปได้ที่เห็นในวันนี้ มันคือความอดเปรี้ยวไว้กินหวานมาตลอดนะคะ อย่าน้อยใจไปน้าาา….
ในวันนี้มาดามคิดว่าเราควรใช้ 38 ปีของชีวิตที่เราดิ้นรนมาให้เป็นประโยชน์ได้แล้ว เป็นความโชคดีที่ความดิ้นรนของมาดามพามาดามมาได้ไกลกว่าที่มาดามคิด มาดามขอโทษจริงๆ ที่บางคนอาจจะพยายามมาหนักกว่ามาดามและยังลำบากอยู่ หากมีอะไรให้ช่วย ยินดีนะคะ ติดต่อมาได้เสมอค่ะ ^^
.
.
ทำไมไม่ไปประเทศอื่น?

ประเทศอื่น ยังไม่ได้รับการคอนเฟิร์มค่ะ (อัพเดทข้อมูล 23/4/64)
– ดูไบ เป็นแค่ไอเดียอยู่
– มัลดีฟ ประกาศแล้วแต่ยังไม่ทราบยี่ห้อวัคซีน และเค้าจะต้องฉีดพลเมืองเค้าให้ครบ 100% ก่อนจึงเริ่มให้นักท่องเที่ยวค่ะ ตอนนี้ฉีดไปได้ 53% แล้วค่ะ ต้องรออีกหน่อยแต่คิดว่าไม่น่าจะนาน แต่ส่วนตัวมาดามไม่อยากไปกักตัวที่วิลล่า 4-5 สัปดาห์ค่ะ มองฟ้ามองน้ำนานขนาดนั้นไม่ไหวค่ะ
– สิงคโปร์ ได้ข่าวเหมือนกันค่ะ แต่มีทั้งสองด้านว่าทำได้และไม่ได้ และมาดามไม่อยากไปสิงคโปร์ค่ะ!
– อลาสก้า อลาสก้าก็คือประเทศอเมริกาค่ะคุณ!! หนาวกว่ามาก แล้วระหว่างที่รอฉีดเข็มที่ 2 ในความหนาวขนาดนั้น…บรื้อว์
และส่วนตัวมาดามคิดว่า ต่อให้ไปประเทศอื่นได้ ค่าใช้จ่ายอาจจะไม่ต่างกัน วิลล่ามัลดีฟน่าจะแพงนา 55555+ และอาจจะเหวอมากระหว่างรอฉีดเข็มที่ 2 ว่าจะฆ่าเวลาให้ผ่านไปอีก 3 อาทิตย์อย่างไร จุดนี้ตัวเลือกเรามีแค่นี้ และเราแฮปปี้ค่ะ 🙂
.
.
เช็คลิสก่อนว่าตัวเองไปได้มั้ย/ ต้องไปนานแค่ไหน

ก่อนจะเริ่มวางแผนการใหญ่ไปให้ไกลถึงดวงจันทร์ เรามาเช็คกันก่อนคร่าวๆ ว่าเราไปได้หรือเปล่าค่ะ
1. มีวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา B1/B2 ที่ยังไม่หมดอายุภายใน 6 เดือนค่ะ แปลว่า สำหรับ ณ วันนี้เดือนเมษายนก็จะห้ามหมดอายุก่อนเดือนตุลา 2564 ค่ะ
.
2. มีคนบอกว่า วีซ่าต้องไม่ได้ใหม่กริบค่ะ ต้องมีเคยเข้าออกอเมริกามาบ้างแล้ว หากใครเคยทำวีซ่าแล้วยังไม่เคยเข้าประเทศ อาจจะมีลุ้นค่ะ ใครมีข้อมูลเพิ่มเติมที่แตกต่างจากนี้ฝากแจ้งหน่อยนะคะ จะได้อัพเดทข้อมูลใหม่ค่ะ
.
3. สามารถไปอยู่ที่อเมริกาได้นาน 32 วันเป็นอย่างน้อย หรือจะไปอยู่จนช่วงเวลาที่ ตม. อนุญาตหมด (ส่วนมาก 6 เดือน) ได้ ก็ได้เลยค่ะ ^^
สำหรับเคส 32 วันสั้นสุด คือ ไปถึงวันแรกฉีดเลย แล้วอีก 21 วันฉีดเข็มที่ 2 เสร็จแล้วบินกลับไทยทันที กลับมาถึงมากักตัว 10 วันเลย (เข้าใจว่าบินจากอเมริกาตอนนี้กักตัว 10 วันนะคะ / หากข้อมูลเปลี่ยนแปลงฝากแจ้งด้วยค่ะ)
ถ้าไปแบบสวยงามปานกลาง คือไปถึงแล้วพักผ่อนให้หาย jet lag ก่อนค่ะ การเดินทางร่วม 20 ชั่วโมง (หรือบางไฟลท์อาจจะ 30 ชั่วโมง) มันเหนื่อยมากกกกก ร่างกายเราอาจจะเพลีย พอไปเจอวัคซีนอีกอาจจะเดี้ยงได้ค่ะ ดังนั้นควรพักก่อนสัก 3-7 วัน อันนี้แล้วแต่ว่าแต่ละคนต้องการการพักมากน้อยแค่ไหน มาดามแก่แล้วมาดามขอปักหมุดพัก 7 วันค่ะ 555555+
อีกปัจจัยที่ทำให้ระยะเวลาที่อยู่อเมริกาเปลี่ยนแปลงคือ หลังจากฉีดเข็ม 2 แล้วจะบินกลับทันทีเลย หรือจะพักดูอาการสักสองสามวัน แล้วบินกลับไทยกักตัว 10 วัน สองทางเลือกนี้ไม่ต่างกันเลยค่ะ อันนี้แล้วแต่ความสบายใจของตัวเองว่า กลัวจะไปน็อคบนเครื่องม๊ายยยยยย….
หรือจะพัก 14 วัน หลังฉีดวัคซีน เพื่อที่บินกลับมาไทยแล้วกักตัวแค่ 7 วันค่ะ (ตอนนี้เข้าประเทศไทย ต่อให้ฉีดวัคซีนแล้วก็ต้องกักตัวอีก 7 วันค่ะ ในขณะที่ประเทศอื่นเค้าไม่ต้องกักตัวแล้วค่ะ!)
.
4. ปัญหาอื่นๆ ระหว่างอยู่ไทย จะไปต่ออย่างไร ลางานอย่างไร ใครดูแลน้องหมาน้องแมว อันนี้คงไม่ต้องบอกเนอะ บ้านใครบ้านคนนั้น ^^
.
ทำตารางมาให้ เผื่อใครอยากดูแบบตารางค่ะ

*อัพเดท ณ วันที่ 29 เมษายน ร้าบ้านเพิ่มเวลาการกักตัวเป็น 14 วันทุกกรณีค่ะแหม่ ถถถถถถถ*
.
ค่าใช้จ่ายหลักๆ มีอะไรบ้าง
อันนี้เอาจากประสบการณ์ตรงมาดามนะคะ แต่ละช่วงเวลา แต่ละรัฐ น่าจะมีรายละเอียดแตกต่างกันไปค่ะ
1. ค่าวีซ่าอเมริกา – ค่าทำวีซ่าอยู่ราวๆ 5,000 บาท ส่วนสถานฑูตเปิดมั้ยอันนี้ต้องลองเช็คดูนะคะ ><
เว็บไซต์ทำวีซ่า https://th.usembassy.gov/
.
2. ค่าตั๋วเครื่องบิน – ANA economy ไปกลับ ราคาอยู่ที่ประมาณ 30,000 บาท // บิสซิเนสอยู่ที่ 200,000 ค่ะ อีกสายการบินที่แนะนำคือ EVA Air แต่พอดีวันที่ไม่ลงตัว มีเพื่อนกระซิบว่าอย่าเลือกสายการบินที่ไป via Europe นะคะ เค้าอาจจะไม่รับเข้าประเทศค่ะค่ะ (อันนี้ลองเช็คอีกทีนะคะ ไม่ได้เป็นประสบการณ์ตรง และเคสนั้นก็เกิดนานแล้วในช่วงยุโรประบาดหนักๆ ตอนนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแล้ว)
เว็บไซต์ดูเรื่องตั๋วเครื่องบิน
เช็คไฟลท์เบื้องต้น https://www.skyscanner.co.th/
ANA Airline https://www.ana.co.jp/en/th/
EVA Airline https://www.evaair.com/
รอบนี้มาดามจองตรงกับสายการบิน เพราะส่วนตัวคิดว่าหากมีอะไรผิดพลาดอย่างไรติดต่อง่ายกว่าค่ะ
หรือใครจะจองผ่าน skyscanner (ซึ่งถูกกว่านิดหน่อย) ก็ตามสะดวกได้เลยค่ะ
.
3. ที่อยู่อาศัย – มาดามไปอยู่ในดงที่ค่าเช่าบ้านแพงที่สุดที่นึง เดือนนึงตกราวๆ 1 แสนบาท สำหรับบ้านที่มี 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นค่ะ 1 ห้องครัว 1 ห้องทานข้าว พื้นที่ประมาณ 55-75 ตรม. (เท่ากับ 600-800 ตารางฟุต ซึ่งเป็นหน่วยวัดที่อเมริกา) (ุความหรูหราก็ประมาณว่าถ้าเป็นคอนโดที่ไทยตีว่าเทียบเท่าห้องที่มีค่าเช่าราวๆ 4-50,000 บาทต่อเดือนได้ค่ะ) บ้านทั้งหลังอาจจะแพงกว่านี้ ขึ้นอยู่กับความหรูหรา และสิ่งอำนวยความสะดวกในบ้านค่ะ ถ้ามีเพื่อนอยู่อเมริกา ลองเต๊าะออดอ้อนดูนะคะ จะช่วยทุ่นค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเลย หรือไปหลายคนเช่าบ้านแชร์กันก็ประหยัดกว่ามากค่ะ (บ้าน 2 ห้องนอน + ห้องนั่งเล่น ห้องทานข้าว ห้องครัว อยู่ราวๆ +150,000 บาทค่ะ)
เว็บไซต์ดูเรื่องบ้าน
AIR BNB https://www.airbnb.com/
ZEUS https://zeusliving.com/property-management เว็บนี้มาดามชอบมาก เพราะเค้าทำมาสำหรับให้เช่าระยะยาวเลย และเป็นบ้านที่พร้อมอยู่มากจริงๆ อุปกรณ์ทุกสิ่ง กระดาษทิชชู่ แชมพู น้ำยาล้างจาน เครื่องครัว มีครบไม่ต้องไปวุ่นหาซื้อ
.
4. ค่าการเดินทางระหว่างอยู่ที่อเมริกา – ต้องมีรถขับค่ะ อาจจะไม่จำเป็น แต่มีไว้ก่อนอุ่นใจค่ะ ค่าเช่ารถก็ 21,000-30,000 ต่อเดือนค่ะ อันนี้เลือกแบบ eco car นะคะ ส่วนรถที่แพงกว่านี้ ก็แพงกว่านี้ค่ะ 5555 ส่วนตัวมาดามคิดว่านั่งอูเบอร์ได้ ยังไงเราก็ไมไ่ด้ออกไปเที่ยวไหนไกลๆ อยู่แล้ว และมาดามก็ชอบเดินเล่นมากกว่า แต่คุณสามีผู้เป็น introvert ขอขับรถเองค่ะ ก็ต้อง F เพิ่มไป T_T
เว็บไซต์สำหรับเช็ค
https://www.kayak.com/cars (เหมือน skyscanner เลยค่ะ รวมทุกยี่ห้อ) หรือใครมีเจ้าไหนที่ใช้ประจำก็จองตรงได้เลยค่ะ
หรือใครมีเพื่อนมารับส่งคือมีบุญที่สุดแล้วววว
.
5. ค่าอาหารระหว่างอยู่ที่อเมริกา – จากประสบการณ์ ถ้าทำกินเองที่บ้านราคาไม่ต่างกับที่อยู่ไทยเท่าไหร่ค่ะ แต่ถ้าไปกินที่ร้านอาจจะแพงกว่าเพราะอาหาร portion เค้าใหญ่กว่ามากแบบ 2 คนสั่งจานเดียวยังกินไม่หมด และยังมีทิปอีก +18-20% on top ไปอีกค่ะ ซึ่งส่วนตัวมาดามขอเวฟไม่รวมค่ากินตรงนี้เข้าไปในการประเมินค่าใช้จ่าย เพราะว่าอยู่ไทยเราก็ต้องกินเหมือนกันค่ะ!
.
6. ค่ากักตัวหลังจากกลับมาไทย – ถ้ากักตัวของรัฐบาล ฟรีค่ะ // ถ้ากักตัวของเอกชน ราคาเริ่มต้น 7 วัน คนละประมาณ 30,000-70,000 บาท แล้วแต่โรงแรมที่เราเลือก (จริงๆ เป็นแสนบาทไปจนถึงสามแสนบาทก็มีค่ะ) บางโรงแรมอยู่ 2 คนสามีภริยาได้ (ต้องมีใบทะเบียนสมรส) บางโรงแรมให้อยู่ด้วยกันได้แต่ราคาคูณสอง บางโรงแรมถ้าอยู่ด้วยกันลดให้นิดหน่อย อันนี้ต้องลองโทรสอบถามแต่ละที่ดูค่ะ
เว็บไซต์ดูโรงแรม/ราคาที่รับกักตัว
https://docs.google.com/spreadsheets/d/1z9a0-ROZXm1OJX13LHxkanKCS0h5O60sCfhx5LuMHoY/edit#gid=1764356728
.
7. ค่าตรวจโควิดที่ไทยก่อนเดินทาง 3,500+ บาท
เว็บไซต์ที่รับตรวจโควิดสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศ
– WelMed https://hdmall.co.th/health-checkup/covid-19-realtime-pcr-examination-1-person-wellmed-bangkok-clinic
– โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน https://www.thaitravelclinic.com/th/FrontNews/covid19-med-certificate.html
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อีกมากที่อาจจะทำให้ไปไม่ถึงดวงดาว ไม่ว่าจะเป็น (สายมโนเก่งเริ่ม!) ผู้ติดเชื้อพุ่งสูงมากจน lock down ห้ามบินออกประเทศไทย / ห้ามบินเข้าอเมริกา / ตม. ไม่ให้ผ่านเข้าเมือง / ไปถึงแล้ววัคซีนหมด / กลับมาไทยมีวัคซีนให้ฉีดแล้ว / ไปแล้วติดโควิด ฯลฯ ซึ่งของพวกนี้คือสวดมนต์ล้วนๆ ค่ะ สวดทุกบทที่จำได้เลยค่ะ

.
.
ขั้นตอนการเริ่มปฏิบัติการจองตั๋วไป/กลับ ต้องทำอะไรบ้าง ทำอะไรก่อน-หลัง
ถ้าเช็คลิสผ่านแล้วว่าลางานได้ รับผิดชอบค่าใช้จ่ายไหว และ ยังคิดว่า “ไป!!” อยู่ มาเริ่มดำเนินการกันค่ะ
งานนี้เหนื่อยมากๆ เลยค่ะ รายละเอียดเยอะ สู้ๆ นะคะ ^_^
#ขาไป
- จองตั๋วเครื่องบินให้ได้วันเดินทาง
เว็บไซต์ดูเรื่องตั๋วเครื่องบิน
เช็คไฟลท์เบื้องต้น https://www.skyscanner.co.th/
ANA Airline https://www.ana.co.jp/en/th/
EVA Airline https://www.evaair.com/
2. นำตั๋วเครื่องบินไปนัดตรวจโควิดก่อนบินออกนอกประเทศ (ตรวจไม่เกิน 72 ชั่วโมง สำหรับอเมริกา//บางประเทศ 48 ชั่วโมง // กรุณาอัพเดทข้อมูลล่าสุดบ่อยๆ)
เว็บไซต์ที่รับตรวจโควิดสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศ
– WelMed https://hdmall.co.th/health-checkup/covid-19-realtime-pcr-examination-1-person-wellmed-bangkok-clinic
– โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน https://www.thaitravelclinic.com/th/FrontNews/covid19-med-certificate.html
3. เดินทางตามกำหนด ป้องกันตัวอย่างเต็มที่ เผื่อเวลาที่สนามบินเยอะหน่อยเพราะยังไม่มั่นใจว่าจะต้องเจออะไรบ้าง เผื่อไป 3+ ชั่วโมงค่ะ
4. ไปถึงอเมริกา ไม่ต้องกักตัวใดๆ เดินทางไปที่พักได้เลย เย้! (กรุณาอัพเดทข้อมูลล่าสุดด้วยนะคะ)
#ขากลับ
- ลงทะเบียน COE เพื่อให้ได้โค้ตที่ https://coethailand.mfa.go.th / หรือติดต่อสถานทูต ว่าจะขอกลับไทย
เท่าที่อ่านในนี้มีขั้นตอนครบถ้วนเลยค่ะ


2. จอง ASQ
เว็บไซต์เลือกห้องจากที่นี่ https://docs.google.com/spreadsheets/d/1z9a0-ROZXm1OJX13LHxkanKCS0h5O60sCfhx5LuMHoY/edit#gid=1764356728
การจอง ASQ และ ALQ ดังกล่าว ทำได้ 5 วิธีดังนี้
(3.1) จองกับโรงแรมโดยตรง
(3.2) จองผ่านเว็บไซต์ https://asqthailand.com/
(3.3) https://asq.locanation.com/
(3.4) https://asq.ascendtravel.com/
(3.5) https://www.agoda.com/quarantineth
- คอนเฟิร์มตั๋วกลับให้อยู่ในกำหนด
- เมื่อได้รับอนุมัติ COE จากสถานฑูตแล้วให้ปริ้นท์แนบไปในวันเดินทาง
- กลับเข้ามาไทย กักตัว 7 วัน หากฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มและได้พัก 14 วันก่อนเดินทางกลับ / หรือ 10 วัน ในกรณีที่ฉีดวัคซีนแล้วพักไม่ถึง 14 วันก่อนเดินทางกลับ
**อัพเดท 29 เมษา ลุงประกาศว่ากักตัว 14 วันทุกกรณี!! แม้มีวัคซีนก็ตาม โอ๊ยยยย ตรรกะ 🙄

.
.
จองวัคซีนไว้ อุ่นใจว่ามีฉีดแน่นอน
อัพเดท 24/4/64 ช่วงค่ำๆ เรื่องการฉีดวัคซีนเริ่มเป็นข่าวดัง ความแพนิคก็กลัวว่าวัคซีนจะหมด (เราอยู่ในประเทศที่บอกว่าวัคซีนหายากๆๆๆๆๆ โปรดเข้าใจความพารานอยด์ ^^”) ความแพนิคนี้ on top ไปบนความกลัวว่า กฎการเดินทางจะเปลี่ยน กฎการฉีดวัคซีนจะเปลี่ยน ตม. จะไม่ให้เข้าประเทศ ฯลฯ อีกมากมาย
แต่ life goes on ค่ะ แก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไป…
ดังนั้น แม้เพื่อนทุกคนที่อเมริกาจะบอกว่ามีเหลือเฟือ เดินไปฉีดที่ไหนก็ได้เลย ว่างมาก โล่งมาก ปลอดภัย เราก็เข้าเว็บไปกดจองกันก่อนดีกว่า เอาชัวร์ไว้ก่อน ^^
เว็บไซต์สำหรับจองฉีดวัคซีน (มาดามไป California นะคะ สำหรับรัฐอื่นต้องลองหาดูน้าา) https://myturn.ca.gov
ปล. แอบชอบชื่อที่เค้าใช้ตั้งชื่อเว็บ คือโฟกัสที่ประชากรเป็นหลักจริงๆ ^^” แต่เอาจริงๆ ชื่ออะไรก็ได้แหล่ะ ขอให้มีฉีดคือพอ!
ซึ่งการจะเข้าเว็บนี้ได้ต้องมุด VPN นะคะ
งึ่ดเลยเพราะว่าทำไม่เป็นค่าาาาา และจุดนี้สามีเป็นฮีโร่ให้มาดาม เย้ๆๆ #มีทองท่วมหัวหรือจะสู้มีผัววิดวะคอม
โดยเราสามารถเลือกที่จะฉีดที่ไหนก็ได้ จะใกล้บ้าน ไกลบ้านก็เลือกได้หมดเลย
บางที่มีชื่อวัคซีนบอกว่าที่นี่ฉีดอะไร บางที่ไม่มี
บางทีเปิดแค่บางวัน… ไม่ใช่เพราะเต็มนะคะ เพราะว่ามันว่างมากกกก เค้าอยากให้คนรวมกันไปฉีดเยอะๆ หน่อย จะได้คุ้มค่าการเปิดขวดวัคซีนค่ะ

การกดจองนี้เค้าจะให้จอง 2 วันเลยค่ะ เว้นห่างกัน 3 สัปดาห์ ระบบกำหนดไว้ให้เลยไม่มีผิดพลาดในการนับวันแน่นอน
ข้อมูลที่เราต้องมีเพื่อใช้ในการจองวัคซีน
1. ชื่อ นามสกุลเรา
2. วันเกิด
3. ชื่อแม่เรา (Mother or guardian’s first name)
4. เพศ
5. เชื้อชาติ
6. ทำงานอะไรอยู่
7. อีเมล์
8. ที่อยู่เราในสหรัฐอเมริกา (กรอกที่อยู่บ้านที่เราเช่าได้เลย)
9. เบอร์โทร (เบอร์สหรัฐอเมริกา/ ใช้เบอร์เพื่อนได้/ ใช้เบอร์ที่เคยใช้ไปแล้วซ้ำได้ค่ะ)
10. มีประกันมั้ย และรู้สึกป่วยมั้ยวันนี้
โดยเมื่อเรากรอกเสร็จ ระบบจะส่ง OTP มาให้เราทางอีเมล์และ SMS
เราก็เอา OTP ไปกรอกเพื่อทำการคอนเฟิร์มในเว็บไซต์อีกครั้งนึง ก็เป็นอันเสร็จค่ะ
เรียบร้อยแล้วก็จะได้อีเมล์และ SMS ยืนยันนัด พร้อม QR Code สำหรับเอาไปยื่นในวันนั้น



.
ในความประทับใจระหว่างกดจองวัคซีน อยากจะขอเอามานำเสนอไว้เป็นแนวทางเผื่อว่าประเทศไทยจะมีคำนึงถึงตรงจุดนี้บ้างค่ะ คือเค้าจะถามครอบคลุมถึงความช่วยเหลือที่ประชากรเค้าอาจจะจำเป็นและต้องการแทบทุกอย่างเลยค่ะ
เช่น ต้องการให้ใครไปเป็นเพื่อนมั้ย/ ต้องการให้สัตว์มานำทาง/ ต้องการเวลามากกว่าปกติ/ ต้องการคนช่วยกรอกเอกสาร (เข้าใจว่าเวลาไปถึงที่ฉีดแล้วต้องกรอกเอกสารอีกชุดนึงก่อน) / ต้องการผู้แปลภาษามือ/ ต้องการเครื่องช่วยฟัง/ ต้องการให้ปริ้นท์ตัวหนังสือใหญ่ๆ, อักษรเบรล, สื่อแบบที่เป็นเสียง ฯลฯ/ ต้องการห้องน้ำ/ ต้องการที่นั่งหากต้องยืนนานๆ/ ฯลฯ
โอ้โหลิสยาวมากค่ะ ช่างเป็นห่วงทุกผู้ทุกคนรอบด้านจริงๆ

.
.
การตรวจโควิดและเอกสาร fit to fly
ก่อนจะบินก็ต้องไปตรวจโควิดกันก่อนค่ะ ซึ่งมาดามไปตรวจที่ WellMed สุขุมวิท 25 อยู่ชั้น B1 ของอาคารวสุ ปากซอยสุขุมวิท 25 เลย
โดยการตรวจจะต้องตรวจและบินภายใน 72 ชั่วโมง (ในบางประเทศต้องบินภายใน 48 ชั่วโมงค่ะ) และเท่าที่ได้ยินมาคือไม่จำเป็นต้องใช้เอกสาร fit to fly นะคะ เอาแค่ผลตรวจโควิดก็พอ แต่ที่นี่มีให้ทั้ง 2 เอกสารเลยในราคาเดิม ก็ควรจะพกไปเผื่อค่าาา

สถานที่เล็กๆ คนไม่เยอะ ไม่ต้องกลัวแออัดแล้วจะพาติดโควิดค่ะ 55555+
(ภาพทั้งหมดนี้ได้ขอทาง LAB แล้วว่าจะถ่ายแบบนี้นะ เพื่อเอามารีวิวให้สำหรับท่านที่อยากจะลองไปตรวจดูค่ะว่าเป็นอย่างไร ^^)
ในส่วนของการเก็บตัวอย่างก็ทำ 2 แบบ คือเก็บน้ำลายด้วยการเอาคัตตอลบัตป้ายน้ำลายเรา ซึ่งไม่เจ็บไม่ใดๆ ทั้งนั้น เวลาหมอเอาไม้กดคอตรวจทอลซิลยังจะอ๊อกมากกว่าอีก

และอีกหนึ่งความกังวลคือการแยงจมูก วิธีทำให้ไม่กลัวคือคุยกับเพื่อนที่ไม่กลัวค่ะ เค้าจะบอกว่าไม่เจ็บ
ส่วนเพื่อนที่เจ็บทุกอย่าง นิดหน่อยก็เจ็บแบบมาดาม อย่าชวนคุยให้เสียจิตค่ะ 555+
แต่เอาจริงๆ ไม่เจ็บมากอย่างที่กลัวค่ะ อาการจะแสบจมูกนิดหน่อยเหมือนเวลาว่ายน้ำแล้วเราเผลอหายใจเอาน้ำเข้าไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง

จากนั้นประมาณ 1 ทุ่มก็ได้รับผลทางอีเมล์ค่ะ (มาดามไปตรวจตอน 11.00 น) ตอนจะเปิดเมล์ก็บีบหัวใจเป็นกลองรัว ตุ่มๆๆๆๆๆๆๆๆ ถ้าเป็นโควิดนี่จะกรี้ดหรือจะนิ่งดี 5555555+
ก่อนผลจะออกก็บอกสามีนะ ว่าถ้ามีเชื้อโควิดแต่ว่าหายแล้ว ก็จะไปอยู่ดีนะ เพราะว่าวางแผนกินเที่ยวช้อปเรียบร้อยแล้ว ฮ่าๆๆๆ ตรงนี้ทุกคนต้องเกียม fall back plan เอาไว้เองนะคะ เพราะว่าความนอยด์ #กูติดยังวะ มันไม่เข้าใครออกใคร อิอิ
ปรากฎว่าไม่ติด โคโอ ยูวิน!! เลต-สะ-โก๊!!!
ด้วยความพารานอยด์เป็นที่ตั้ง แม้สายการบินจะบอกว่าใช้เอกสารปริ้นท์ผลตรวจโควิดได้ แต่มาดามก็จะต้องเอาตัวจริงไปด้วยค่ะ ดังนั้นวันต่อมา มาดามก็เรียกรถไปรับเอกสารมาส่งให้ที่บ้าน ซึ่งตรงนี้แอบวุ่นวายเล็กน้อยเพราะว่าให้รถไปรับที่สุขุมวิท 25 แต่ผลแลปอยู่สุทธิสารจ้าาา การนี้ใครจะไปรับเอกสารก็อย่าลืมเช็คดีๆ นะคะ ตรวจที่นึงแต่ผลจะอยู่อีกทีจ้าาา ไม่เห็นมีใครบอกหมวยเลย!!
.
.
ประสบการณ์การเดินทาง
กทม – Narita
จุดเช็คอินที่สุวรรณภูมิคนน้อยมากค่ะ มาดามเผื่อเวลาฉุกเฉินไว้ 3 ชั่วโมงเลยแต่ปรากฎว่าเนื่องจากคนน้อยทุกอย่างก็ไหลไวมากๆ ตอนเช็คอินเจ้าหน้าที่ก็ถามหาเอกสารการตรวจโควิดและถามว่าไปอเมริกาทำไม แหมมมมม….คุณพี่มีเวลาเท่าไหร่ค๊าาาาา อยากจะจับเข่าเล่าให้ฟังดังๆ ค่ะ 55555+

ด้วยความเป็นคนย้ำคิดย้ำทำ มาดามก็เลยขอกับเจ้าหน้าที่ว่าช่วยดูให้หน่อยได้มั้ยคะว่ารอบๆ ที่นั่งคนเยอะมั้ย และขอให้เค้าช่วยปรับเปลี่ยนให้ตามความเหมาะสม ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็น่ารักมาก จัดการให้อย่างเรียบร้อยค่ะ
บนเครื่องบินนั่งห่างกันมากกก โล่งแบบไม่มีอะไรมากั้น อันที่น่าตกใจกว่าคือบิสซิเนสค่อนข้างแน่น ระยะห่างระหว่างบุคคลมีแค่ราวๆ 1-1.5 เมตรเองเพราะที่นั่งเต็มเกือบหมด แต่ในส่วนของอีโค่นั้นว่างแบบรัศมี 3-4 เมตร สบายๆ เลยค่ะ
อาจจะมีผู้โดยสารบางคนแอบไม่ทำตามกฎคือเอาจมูกโผล่มาเหนือ mask เห็นดังนั้นเราก็แจ้งแอร์ได้เลยค่ะ ส่งซิกนิดเดียวแอร์ก็เข้าใจและเดินไปตักเตือนให้ทันที

.
.
เครื่องลงนาริตะ น้ำตาไหล…. เขียนเล่าเอาไว้ในไอจีนี้ค่ะ
ปล. ลืมกำเงิน Yen มาค่ะ ตอนซื้อของด้วยบัตรเครดิตหน่ะไม่เป็นไร แต่อยากกดตู้น้ำค่าาาาา
แต่ไม่เป็นไรที่สนามบินมีจุดแลกเงิน ก็แลกไป (อย่าถามอัตราแลกเปลี่ยนเพราะไม่สนใจ เท่าไหร่ก็จะแลก 5555) แล้วก็ไปกดนั่นนี่กินให้ฉ่ำปอดค่ะ ช่วงนี้ไม่ได้ถ่ายคลิปไว้เพราะคุณสามีนั่งจ๋อมทำงาน ><


Narita – SFO
ไฟลท์นี้แอร์เป็นฝรั่ง บริการสไตล์ยูไนเต็ดอ่ะนะ หึหึหึ
แต่รอบนี้บริการก็ดีขึ้นมากภายใต้สโลว์แกน friendly style 5555555+ ตอนมาดามจองมาดามก็ไม่อยากบินกับสายการบินนี้นะ แต่เรามีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าไงก็เลยยอม >< นึกบริการสไตล์เพื่อนออกใช่มะ คือเวลาเราวานให้เพื่อนส่งของให้หน่อย เพื่อนก็อาจจะโยนมาให้เลยอะไรแบบนี้ หรือด่าเรากลับอะไรแบบนี้ 55555555555555555+ บอกไว้ก่อนจะได้เตรียมใจว่ายังไงก็เจอเป็นปกติค่ะ เค้าไม่ได้เหยียดเรา เค้าเฟรนลี่ ก้ากๆๆๆ
ไฟลท์นี้ก็มีผู้โดยสารถอดแมสค่ะ บางคนแอร์เดินไปเตือนหลายรอบ กัปตันประกาศเตือนออกสื่อแล้วก็ยังหน้ามึนทำอีก แถมยังย้ายมานั่งใกล้ๆ มาดามเข้ามาอีก มาดามก็เลยขยับหนีค่ะ อีบ้าจะถอดแมสทำไม!! มาดามรักษาระยะห่าง 3-4 เมตรตลอดการเดินทาง พร้อมใส่แมสก์กระดาษ ทับด้วยแมสผ้า ทับด้วยเฟสชีลล์ พ่นแอลกอฮอล์จนมือแตก ><
หลังจากหลับๆ ตื่นๆ ดู The Little Mermaid ต่อด้วย Frozen II ในที่สุดก็มาถึง SFO จ้าาาา
.
.
ความระทึกเมื่อมาถึง SFO (เรื่องยาวมาก ขอแปะลิ้งค์ที่เล่าไปแล้วมาไว้นะคะ ^^)
และในที่สุดเราก็มาถึงแล้วค่าาาาา
พบกันโพสต์หน้า เรื่องฉีดวัคซีนค่ะ คลิกอ่านที่นี่