ตั้งแต่มาดามกับคุณสามีย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้เมื่อ 6 ปีก่อน ความฝันที่จะได้ไปอยู่หรือไปทำงานที่ต่างประเทศลดน้อยลงไปเรื่อยๆ เรากะว่านี่คือบ้านหลังที่จะอยู่ไปจนอายุ 50 ก่อนจะย้ายไปอยู่บ้านสำหรับผู้สูงวัยที่ไม่มีลูก บ้านหลังนี้จะมีทุกสิ่งที่อยากมี มีแป้นบาส มีบ้านตุ๊กตา มีห้องแมว มีห้องกันดั้ม มีเรือนไว้ทำงานทดลอง มีเตียงทุกมุมของบ้าน มีกรงไก่ มีสวนผัก อยากจะมีอะไรก้อจัดมาให้หมด
.
ช่วงเวลาที่อยู่บ้านหลังนี้ก็มีโอกาสจะได้ย้ายไปต่างประเทศหลายครั้ง แต่มาดามกับคุณสามีก็ไม่หวั่นไหว เราปักหลักเรียก The Isolation Home นี่เป็น “บ้าน” มาตลอด (ใช่ค่ะ บ้านมาดามหลังนี้ชื่อ The Isolation Home – เอาไว้มาเล่าที่มาของชื่อในโอกาสหน้านะคะ ^^) ……. จวบจนกระทั่งปีนี้
.
ประมาณ 5 ปีก่อนคุณสามีเริ่มโครงการ #workfromanywhere แบบเต็มตัวด้วยตัวของฮีเองค่ะ ฮีปฏิเสธการเข้าออฟฟิตอย่างเด็ดขาด (เมื่อก่อนแค่งอแง หรือยอมไปบ้างบางวัน) ที่ไหนมีกฎว่าต้องเข้าออฟฟิตที่นั้นคือจะไม่ได้ตัวฮีไป ไม่ว่าจะงานหนักแค่ไหน กี่บริษัท กี่โปรเจค สามีไม่เคยท้อเพราะว่าเมียไม่เคยป่วง 555555+ ฮีสามารถนั่งกินข้าวกับมาดามและทำงานไปด้วยได้ ฮีสามารถนอนแช่บับเบิ้ลบาธกับมาดามพร้อมทำงานไปด้วยได้ ฮีสามารถนอนเกาหลังให้มาดามพร้อมทำงานไปด้วยด้วยได้
ฮีสามารถไปส่งมาดามที่ฟู้ดวิลล่าและทำงานไปด้วยได้…ที่สำคัญ ฮีมีอุปกรณ์ทุกอย่างที่ฮีอยากมี มีเยอะในแบบที่ไม่มีออฟฟิตใดในโลกที่จะมีให้ได้ 🤭
.
เราไปเที่ยวกันได้มากมายโดยไม่มีข้อจำกัด ขอแค่มีปลั๊กไฟและสัญญาณอินเตอร์เนตก็พอ
.
จนกระทั่งเมษายน 2564 . . . .

ใช่ค่ะ
.
.
เดือนเมษา 2564 มาดามและสามีตัดสินใจทิ้งทุกสิ่งเพื่อไปฉีดวัคซีนที่อเมริกา จุดนั้นคือถ้าบริษัทที่ไหนจะไม่โอเค เราก็พร้อมที่จะลาออกเลยนะ วัคซีนคือวาระเร่งด่วนแห่งชาติที่เราพร้อมหยุดทุกอย่างเพื่อดำเนินการจัดหาค่ะ 😊 (ย้อนอ่านเรื่องราวทริปฉีดวัคซีนได้ที่นี่ค่ะ)
.
เมื่อหลากหลายเหตุการณ์มาประจวบเหมาะให้เรารู้สึกโชคดีในการที่เรามีวีซ่าอเมริกาพร้อมและพาสปอร์ตไม่หมดอายุ เป็นวินาทีที่มาดามตระหนักได้ว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องพร้อมบินออกนอกประเทศได้เสมอ และการมีพาสปอร์ตเล่มเดียวนั้นไม่พอเสียแล้ว
.
เราจะ #workfromanywhere ได้ยังไงถ้าเรายังต้องไปทำวีซ่า?
และต่อให้มีวีซ่าแล้วเรายังต้องถูกจำกัดว่าสามารถอยู่ได้ไม่เกิน x วันเท่านั้น….
.
.
ยี้!!
.
.
เราจำเป็นต้องมีพาสปอร์ตอีกเล่มค่ะ พาสปอร์ตที่จะทำให้เราเป็น Citizen of the world ได้อย่างไร้พรมแดน พาสปอร์ตของประเทศโลกที่หนึ่งเท่านั้นที่จะทำให้เราประหยัดค่าทำวีซ่าไปได้ คิดดูสิว่าถ้าไม่ต้องคอยจ่ายค่าธรรมเนียมในการทำวีซ่าเราจะประหยัดเงินไปได้ตั้งเท่าไหร่ 5555555+
.
และการจะมีพาสปอร์ตอีกเล่มนั้นมีหลายทางให้ตำได้ดังนี้

1. หาสามีใหม่ (ซึ่งสามีไม่ยอมค่ะ)
2. ไปคลอดลูกที่ต่างประเทศ (ซึ่งสามีก็ไม่ยอมอีกเช่นกันค่ะ)
3. ซื้อสัญชาติ (ซึ่งสามีไม่ยอมขายบ้านหลังนี้เพื่อซื้อสัญชาติ และฮีก็ไม่มีเงินแล้วค่ะ)
4. ไปทำงานที่ต่างประเทศ อยู่ให้นานพอ แล้วยื่นขอเปลี่ยนสถานะ Citizenship

ในเมื่อสามีจะไม่ยอมซักทาง การไปทำงานที่ต่างประเทศนี้ก็ดูจะมีความหวังสุดแล้วหล่ะ
.
.
คิดได้ดังนั้นแล้ว ดิฉัน มาดามมะม่วง ในฐานะภริยาโปรแกรมเมอร์สุดกี้ก ก็จัดการสานฝันตัวเองด้วยการลงมือซุ่มดำเนินการตามแผนที่วาดไว้ทันที…
.
.
ว่าแต่ยังมีคนอ่านอยู่ใช่มั้ยน้าา จะได้มาเล่าให้ฟังว่าหนทางสู่สวิสเซอร์แลนด์ของเราเป็นอย่างไร ทำไมถึงเลือกไปที่นี่ ไปทำงานอะไร สมัครยังไง เริ่มยังไง ฯลฯ
.
สวัสดีค่ะ